Forex คืออะไร
Forex ย่อมาจาก Foreign Exchange Market หมายถึง ตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ อาจจะเรียกว่า FX ก็ได้เช่นเดียวกัน การซื้อขายเงินตราต่างประเทศ กำไรหรือขาดทุนจะเกิดจากส่วนต่างของราคาตอนที่ซื้อเทียบกับตอนที่ขาย ตามการขึ้นลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินคู่เงินนั้นๆ ถ้าซื้อถูกและขายแพงก็ได้กำไร กลับกันถ้าซื้อแพงและมาขายถูกก็ขาดทุน การลงทุนเริ่มต้นได้ด้วยเงินเพียง 5$ (บัญชีเซนต์หรือไมโคร) โดยใช้เลเวอเรจเปลี่ยนเงินลงทุนให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น เพื่อเทรดในสัญญาที่มีขนาดใหญ่ได้ แต่ก็ตามมาด้วยความเสี่ยงที่สูงขึ้น การลงทุนในตลาดนี้สามารถเก็งกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง จึงเป็นเหตุผลให้นักลงทุนรายย่อยหันมาลงทุนในตลาดนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ การซื้อขายสกุลเงินนั้นจะทำเป็นคู่ๆ ผ่านระบบออนไลน์ในตลาดซื้อขายเงินตราต่างประเทศ คุณสามารถเปิดพอร์ตลงทุนผ่านทางโบรกเกอร์ได้ด้วยตัวคุณเอง เพียงไม่กี่ขั้นตอน.
ตลาด Forex เปิดทำการตอนไหน
ตลาด Forex ใหญ่แค่ไหน ?
ตลาด Forex มีโครงสร้างแบบกระจายจากศูนย์กลาง นักลงทุนสามารถเข้าถึงตลาดนี้ได้จากทั่วโลกผ่านทางอินเตอร์เน็ต ทำให้ตลาดซื้อขายเงินตราต่างประเทศมีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก ในแต่ละวันมีปริมาณการซื้อขายโดยเฉลี่ยมากกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (5 Trillion) เรียกได้ว่าทุกตลาดหุ้นมีขนาดเล็กไปทันทีเมื่อนำมาเทียบกับตลาด Forex แห่งนี้
โครงสร้างของตลาด Forex
ตลาดซื้อขายเงินตราต่างประเทศจะไม่เหมือนกับตลาดหุ้น ตลาดซื้อขายเงินตราต่างประเทศจะถูกแบ่งออกเป็นระดับต่าง ๆ โดยมีตลาดระหว่างธนาคาร (Interbank Market) เป็นระดับด้านบนสุด รวมไปถึงธนาคารพาณิชย์และธนาคารกลางขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เช่น HSBC , JP Morgan , Barclays Investment Bank , Citi Bank , Deutsche Bank , UBS AG , Goldman Sachs ซึ่งตลาดระหว่างธนาคารนี้จะเป็นแบบกระจายจากศูนย์กลางเหมือนกันกับตลาดซื้อขายเงินตราระหว่างประเทศ โดยจะถูกห้อมล้อมด้วยธนาคารพาณิชย์และวาณิชธนกิจขนาดใหญ่ ซึ่งการซื้อขายเกือบ 40% จะมาจากธนาคารระดับบนสุด (top-tier) ระดับต่อมาจะประกอบด้วยธนาคารขนาดกลางและขนาดเล็ก เฮดจ์ฟันด์ กองทุนต่างๆ บริษัทพาณิชย์ ที่นำเข้าและส่งออกสินค้าระหว่างประเทศ ECNs (Electronic Communication Networks) บริษัทโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์รายย่อยและนักเทรดรายย่อยทั่วไป
โครงสร้างของตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ (Forex Market Structure)
ประวัติของตลาด Forex
การซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศได้เริ่มต้นขึ้นในปี 1880 เริ่มต้นใช้ระบบการเงินที่อ้างอิงจากทองคำ ซึ่งระบบนี้ถูกนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากระบบการแลกเปลี่ยนแบบเดิม คุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมที่สุดของระบบนี้คือการมีอัตราแลกเปลี่ยนที่คงที่ ระหว่างสกุลเงินของประเทศหนึ่งกับอีกประเทศหนึ่งไม่ว่าจะใช้รูปแบบวิธีการแลกเปลี่ยนแบบใดก็ตาม (ธนบัตรหรือเหรียญ) ระบบนี้ไม่เพียงแค่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินสองชนิดเท่านั้น ทั้งยังช่วยควบคุมค่าเงินและทำให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่ต่ำด้วย ในศตวรรษที่ 20 ได้มีการเติบโตของธนาคารต่างชาติอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในอังกฤษมีบริษัทโบรกเกอร์ซื้อขายเงินตราต่างประเทศ 40 กว่าเฉพาะในลอนดอนในปี 1922 และการซื้อขายเงินตราต่างประเทศประมาณครึ่งหนึ่งของทั้งหมดในโลกเป็นการซื้อขายเงินปอนด์ ในช่วงเวลานั้น นิวยอร์ค ปารีส และ เบอร์ลิน ได้เป็นศูนย์กลางการเทรดที่มีปริมาณสูงที่สุด ภายหลังจากช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 Bretton Woods Accord ได้สร้างกฎเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางด้านการเงินและการจำกัดความแปรปรวนของค่าเงินให้ไม่เกิน 1% ของมูลค่าพาร์ของสกุลเงิน อย่างไรก็ตามหลังจากที่ข้อตกลงของ Bretton Woods ได้ล่มสลายลง ระบบที่ใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ได้ค่อย ๆ เปลี่ยนมาใช้ระบบแบบลอยตัว (free-floating) ในช่วงปลายของยุค 70’s การซื้อขายเงินตราต่างประเทศในระดับประเทศที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวดได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ และเปลี่ยนมาเป็นตลาดที่มีค่าเงินแบบลอยตัวใครบ้างที่ซื้อขายในตลาดฟอเร็กซ์ (forex Market )
ในตลาด ฟอเร็กซ์ (Forex) มีผู้ค้าที่แตกต่างกันหลายรูปแบบ ทั้งการซื้อขายแลกเปลี่ยนระหว่างธนาคาร การซื้อขายเงินตราเพื่อชำระค่าสินค้าจากการนำเข้าหรือส่งออก การซื้อขายเพื่อประกันความเสี่ยง หรือการเก็งกำไร ผู้ค้าต่างๆ มีดังนี้
- ธนาคารกลางของรัฐบาล
- ธนาคารพาณิชย์
- ธนาคารเพื่อการลงทุน
- โบรกเกอร์
- กองทุน ต่างๆ
- บริษัทประกันภัย
- องค์กรระหว่างประเทศ
- บริษัทพาณิชย์ นำเข้า ส่งออก
- นักเก็งกำไรรายใหญ่
- บุคคลทั่วไป
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่ออัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินมีอะไรบ้าง?
ตลาด Forex นั้นก็ไม่แตกต่างจากตลาดอื่น การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน เกิดจากอุปสงค์และอุปทานเหมือนกัน- ถ้ามีผู้ซื้อมากกว่าผู้ขาย ราคาจะสูงขึ้น
- ถ้ามีผู้ขายมากกว่าผู้ซื้อ ราคาจะต่ำลง
ปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน อาทิ เช่น
- ผลการดำเนินการทางเศรษฐกิจของประเทศ
- นโยบายของธนาคารกลาง
- การปรับอัตราดอกเบี้ย
- งบการค้าระหว่างประเทศ การนำเข้าและการส่งออก
- ปัจจัยทางการเมือง เช่น การเลือกตั้ง การเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเมือง
- ความเชื่อมั่นของตลาด ความคาดหวังและข่าวลือ
- การก่อการร้าย , ภัยพิบัติทางธรรมชาติ
สามารถทดลองเปิดบัญชี Demo โบรคเกอร์ต่าง ๆ ได้ฟรี